Xiaomi 12 Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการ 15 มีนาคม นี้

Xiaomi 12 Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการ 15 มีนาคม นี้

ไม่ปล่อยให้รอนานสำหรับ Xiaomi เพราะล่าสุดพวกเขาได้ส่งหมายเชิญนักข่าวเข้าร่วมงาน Master every scene ไปกับ Xiaomi 12 Series ในงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ

เสียวหมี่ ประเทศไทย ขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเปิดตัวสุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี “Xiaomi 12 Series” ที่จะให้คุณ Master every scene ไปกับการเก็บภาพทุกความทรงจำให้พิเศษยิ่งกว่าที่เคย พร้อมพบกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีโคซิสเต็มรุ่นใหม่อีกมากมาย ในวันอังคาร ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 18.00 – 21:00 น.

โดยเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นการเปิดตัวของ Xiaomi 12 Series พร้อมราคมจำหน่ายทั่วโลก รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีกหลายตัวไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่อย่าง Xiaomi Watch S1 ที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ และคาดว่าในงานเรายังจะได้เห็นหูฟัง Xiaomi TWS Earphones 3 เปิดตัวด้วย

gsmarena_001

ทั้งนี้ยังไม่แน่ชัดว่าในงานวันที่ 15 มีนาคมนี้ จะมีอะไรขึ้นเวทีเผยโฉมเพิ่มเติมจาก Xiaomi 12, Xiaomi 12 Pro และ Xiaomi 12X เราคงต้องมารอลุ้นไปพร้อมๆ กันครับ

gsmarena_008
ขอขอบคุณ – Sanook





รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค

Apple เตรียมวางขายสาย Thunderbolt 4 Pro (3 เมตร) ราคา 5,390 บาท!

Apple เตรียมวางขายสาย Thunderbolt 4 Pro (3 เมตร) ราคา 5,390 บาท!

Apple เพิ่มรายการผลิตภัณฑ์ตัวใหม่บนเว็บไซต์ได้แก่ สาย Thunderbolt 4 Pro ความยาว 3 เมตร ราคา 5,390 บาท ซึ่งสำหรับหลายคนอาจจะมีราคาค่อนข้างแรง แต่หากใครที่ต้องการจะใช้สาย Thunderbolt 4 (USB-C) ที่มีความยาวมากกว่า 2 เมตรนั้นนี่อาจเป็นเพียงตัวเลือกเดียวของคุณ

สาย Thunderbolt 4 Pro มาพร้อมกับการเปิดตัว Mac Studio ซึ่งใช้ชิปที่โหดที่สุดในตระกูลอย่าง Apple M1 Ultra และ M1 Max โดยในปัจจุบันยังไม่มีการวางจำหน่าย แต่ทาง Apple จะวางจำหน่ายในอนาคต

ตัวสายเป็นสายถัดสีดำม้วนสายได้โดยไม่พันกัน และรองรับการถ่ายโอนข้อมูล Thunderbolt 3,4 และ USB 4 ความเร็วสูงสุด 40 Gb/s, การถ่ายโอนข้อมูลผ่าน USB 3.1 รุ่นที่ 2 สูงสุด 10 Gb/s, การส่งสัญญาณภาพผ่าน DisplayPort (HBR3) รวมถึงการชาร์จสูงสุด 100 วัตต์

ผู้ใช้สามารถใช้สายเส้นนี้เพื่อเชื่อมต่อ Mac ที่มี Thunderbolt 3 หรือ Thunderbolt 4 เข้ากับจอภาพและอุปกรณ์ USB-C Thunderbolt และ USB เช่น Studio Display, Pro Display XDR, แท่นวาง และฮาร์ดไดรฟ์ นอกจากนี้ Thunderbolt 4 Pro ยังสามารถเชื่อมต่อแบบเดซี่เชนกับอุปกรณ์ Thunderbolt 3 ได้สูงสุด 6 เครื่อง และบริเวณหัวต่อยังมีโลโก้ Thunderbolt อันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

ส่วนใครที่ต้องการสาย Thunderbolt 4 Pro แต่ไม่ต้องการความยาว 3 เมตร Apple ก็มีการวางขายสาย Thunderbolt 4 Pro ความยาว 1.8 เมตรแล้วในราคา 4,390 บาท

ขอขอบคุณ – Sanook



รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค

สรุปงานเปิดตัวสินค้า Apple Event เปิดตัวอะไรบ้าง? มาดูกัน

สรุปงานเปิดตัวสินค้า Apple Event เปิดตัวอะไรบ้าง? มาดูกัน

จบกันไปแล้วสำหรับงาน Apple Event ในรอบแรกของปี 2022 ที่มีชื่อว่า Peek Performance ซึ่งมาพร้อมกับความแรงและมีการเปิดตัวหลากหลายสิ่ง แต่จะมีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันเลยครับ

ก่อนอื่น Tim Cook ได้ออกมาเผยว่า Apple TV+ จะมี Content เพิ่มขึ้นและหนังใหม่มากมายและมีรวมถึง Apple Original Flims และยังมีการนำเสนอราคาการแข่งขันเบสบอล (Friday Night Base Ball)

iPhone 13

apple-iphone13-family-lineup-

จากความสำเร็จของ iPhone 13 ถือว่าเป็นรุ่นเรือธงที่มีความประสบความสำเร็จอย่างมาก สำหรับในรอบนี้มีการเปิดเผยสีสันใหม่ของ iPhone 13 และ iPhone 13 Pro พร้อมเปิดจองวันศุกร์นี้

  • สายมูถูกใจสิ่งนี้ Apple เปิดตัว iPhone 13 ใหม่ “สีเขียว” และ iPhone 13 Pro “สีเขียวอัลไพน์”

iPhone SE 5G (2022)

apple-iphonese-color-lineup-4

ในที่สุดถึงเวลาการเปลี่ยนแปลงของ iPhone SE ในรอบนี้คือการเพิ่มชิป Apple A15 Bionic เข้าไปในตัวมือถือรุ่นนี้จุดเด่นแน่นอนว่ามันเร็วมากขึ้น และดีไซน์เดิม แต่สีสันเปลี่ยนเป็นแบบ Midnight, Starlight และ Product Red มาพร้อมกับระบบ Touch ID และมีแบตเตอรี่ที่อึดขึ้น โดยการจัดการพลังงาน แถมยังรองรับการเชื่อมต่อกับ 5G

apple-iphonese-hero-3up-22030

สำหรับกล้องของ iPhone SE ด้านหลังยังคงได้สเปกเดิมคือความละเอียด 12 ล้านพิกเซลพร้อมกับการเปลี่ยน Rich Tone ตามที่เราต้องการได้ ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 15 และสามารถอัปเกรดต่อไปได้ แถมหน้าจออัปเกรดรองรับ Super HDR4 ส่วนราคาของเครื่องอยู่ที่ 429 ดอลล่าร์สหรัฐฯ 

ส่วนราคา iPhone SE 5G ในประเทศไทยมีดังนี้

  • 64GB = 15,900 บาท
  • 128GB = 17,900 บาท
  • 256GB = 21,900 บาท

รายละเอียดของ iPhone SE 5G

  • สัดส่วน (ยาว x กว้าง x หนา) : 138.4 x 67.3 x 7.3 มม.  
  • น้ำหนัก: 179 กรัม   
  • การป้องกันน้ำและฝุ่น : IP67  
  • หน้าจอ: IPS LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 750 x 1334 พิกเซล   
  • ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic Hexa-core (2×3.22 GHz Avalanche + 4xX.X GHz Blizzard)+ Apple GPU   
  • การเชื่อมต่อ : WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.0, GPS, A-GPS / 4G / 5G  
  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 15 สามารถอัปเดตได้   
  • ระบบความปลอดภัย   
  • ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือTouch ID   
  • กล้องหลัง  : 12 ล้านพิกเซล (f1.7 Main)    
  • กล้องหน้า: 7 ล้านพิกเซล   
  • แบตเตอรี : 1821 mAh พร้อมกับ Fast Charge 18W + Wireless Charging
  • แรม/ความจุ : RAM 3GB / ความจำ 64 / 128 / 256GB + iCloud Drive   
  • สี : แดง, ขาว, ดำ

iPad Air Generation 5

สำหรับดีไซน์ของ iPad Air Generation 5 นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่ที่เปลี่ยนคือนำชิป Apple M1 มาใช้ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 60% เปลี่ยนกล้องหน้าเป็นความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Ultra Wide รองรับฟีเจอร์ Center Stage เช่นเคย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อกับ USB-C ได้เร็วขึ้น 2 เท่า และมาพร้อมกับ iPad OS เวอร์ชั่นใหม่ ที่มีฟีเจอร์ใหม่ทั้ง Application มากมายเช่น iMovie เวอร์ชั่นใหม่ที่ เหมาะกับสายตัดต่อ และยังรักษ์โลกเหมือนเดิม

batch_apple-ipad-air-ipados-q

ส่วนราคาของเครื่องเริ่มต้นที่ 599 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 19,xxx บาท เริ่มวางจำหน่าย 18 มีนาคม นี้ สำหรับราคาประเทศไทยมีดังนี้

Wi-Fi

  • 64GB = 20,900 บาท
  • 256GB = 25,900 บาท 

Wi-Fi + Cellular

  • 64GB = 25,900 บาท
  • 256GB = 30,900 บาท

Apple Silicon M1 Ultra

m1_u_totla

ขุมพลังใหม่ล่าสุดที่เป็นการนำ M1 Max เข้ามาติดกันและมีการทำงานให้รวมกันทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อให้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ระดับ Desktop PC โดยให้ความเร็วสูงและมี Core สูงสุด 20 Core แต่ประหยัดพลังงานเพราะใช้ไฟจาก Power Supply 200W และถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โดยสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ระดับ 2.0Gb/s

Mac Studio

batch_apple-mac-studio-back-2

มาถึง Mac Studio ที่มาพร้อมกับทรงแบบเดียวกับ Mac Mini แต่ว่า สูงกว่าและหนากว่าแบบไม่ต้องคิดมาก ความกว้าง 7.7 มิลลิเมตร หนา 3.7 มิลลิเมตร ระบายอากาศจากล่างขึ้นด้านบน และมาพร้อมกับช่องเสียบครบทั้ง Thunder Bolt 4 ช่อง, RJ45 LAN, HDMI, USB-A, USB-C ด้านหน้า, ช่องเสียบหุฟัง และ มีช่องเสียบ Card Reader ทางด้านหน้า

batch_apple-mac-studio-front-

ขุมพลังที่ใช้เป็น M1 Max และ M1 Ultra ใหม่ล่าสุด รองรับ 48GB สำหรับ Video Memory และมี 64GB ที่ยังว่าพร้อมใช้ แถมมี SSD ที่ให้ความเร็วสูงสุด 7.4Gb/s และใช้พลังงานต่ำลง

batch_apple-mac-studio-studio

สำหรับราคานั้น Mac Studio M1 Max เริ่มต้น 1,999 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 63,xxx บาท และ M1 Ultra จะเริ่มต้นที่ 3,999 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 132,xxx บาท

สำหรับราคาประเทศไทยมีดังนี้

  • Mac Studio ขุมพลัง M1 Max = 69,900 บาท
  • Mac Studio ขุมพลัง M1 Ultra = 139,900 บาท

Studio Display

สำหรับหน้าจอรุ่นใหม่จะมีขนาด 27 นิ้วมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงออฟชั่นทั้งการก้มและเงย สามารถซื้อเพิ่มได้ หรือจะไม่ใช้ฐานก็ได้ และยังให้สีสันได้ 14.7 ล้านสี ขนาดหน้าจอ 27 นิ้ว มาพร้อมกับหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับฟีเจอร์ Center Stage แบบเดียวกับ iPad

batch_apple-studio-display-ma

ให้ลำโพงทั้งหมด 6 จุดด้วยกันทำให้เสียงที่ออกมาดังและรองรับฟีเจอร์ Spatial Audio ช่องเสียบมี Thunderbolt 4 ให้ 1 ช่องรองรับการจ่ายไฟกำลัง 96W และที่เหลือเป็น USB-C ที่ต่อหน้าจอได้รวมกัน 5 หน้าจอพร้อมกัน โดยราคาของหน้าจอรุ่นนี้คือ 1,599 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 53,xxx บาท

สำหรับราคาประเทศไทยอยู่ที่ 54,900 บาท

ขอขอบคุณ – Sanook




รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค

Apple เปิดตัว iPhone 13 ใหม่ “สีเขียว” และ iPhone 13 Pro “สีเขียวอัลไพน์”

Apple เปิดตัว iPhone 13 ใหม่ “สีเขียว” และ iPhone 13 Pro “สีเขียวอัลไพน์”

มาตามกระแสข่าวลือเลยสำหรับสีใหม่ของ iPhone 13 หลัง Apple เปิดตัวสีใหม่ของ iPhone 13 ใหม่ 2 สีใหม่ในงาน “Peak Performance”  iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์และ iPhone 13 สีเขียวใหม่

apple-iphone13-family-lineup-

วันนี้ Apple ประกาศเปิดตัวสีใหม่ 2 สีคือ สีเขียวอัลไพน์และสีเขียวสำหรับ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 13 มาพร้อมกับดีไซน์ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับการเสริมให้ทนทานยิ่งขึ้นด้วยด้านหน้าแบบ Ceramic Shield

อีกทั้งยังมีชิป A15 Bionic สุดล้ำ ประสบการณ์การใช้งาน 5G ขั้นสูง ระบบกล้องอันล้ำสมัยเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอที่สวยสะดุดตา และระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นแบบก้าวกระโดด iPhone 13 และ iPhone 13 mini ยังมีจอภาพ Super Retina XDR ที่ให้สีสันสดใสขณะที่ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR พร้อม ProMotion ที่ให้สีสันสดใส

โดยมีอัตราการดึงข้อมูลใหม่แบบปรับได้ตั้งแต่ 10Hz จนถึงสูงสุด 120Hz iPhone 13 Pro สีเขียวอัลไพน์และ iPhone 13 สีเขียวใหม่จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม

untitled-1_1

โดยสีใหม่ของ ‌iPhone 13‌ โดยพรีออเดอร์ในวันศุกร์นี้และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 18 มีนาคม

ขอขอบคุณ – Sanook



รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค

whoscall เผย มีเบอร์มิจฉาชีพโทรหลอกลวงคนไทย พุ่งสูงขึ้นถึง 270%

whoscall เผย มีเบอร์มิจฉาชีพโทรหลอกลวงคนไทย พุ่งสูงขึ้นถึง 270%

whoscall เผยยอดเบอร์มิจฉาชีพโทรหลอกลวงคนไทย พุ่งสูงขึ้น 270โดยในปี 2564  มีการใช้โทรศัพท์เพื่อหลอกลวงในประเทศไทยมากกว่า 6.4 ล้านครั้ง และข้อความ SMS หลอกลวงยังเพิ่มขึ้นถึง 57% โดยวิธีที่พบบ่อยนักต้มตุ๋นจะส่งลิงค์  Phishing ในการหลอกเชิญชวนให้ดาวน์โหลดแอปที่เป็นอันตรายและหลอกขโมยข้อมูลส่วนตัว ในขณะที่ทั่วโลก Whoscall เผยจำนวนการโทรและข้อความหลอกลวงทั่วโลกมีจำนวนถึง 460 ล้านครั้ง

whoscall เผยยอดเบอร์มิจฉาชีพโทรหลอกลวงคนไทย พุ่งสูงขึ้น

whoscall เผยยอดเบอร์มิจฉาชีพโทรหลอกลวงคนไทย พุ่งสูงขึ้น 270%

ฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Gogolook ประเทศไทย เผยว่า “การหลอกลวงด้วยวิธีการส่งข้อความมีต้นทุนที่ต่ำ ประกอบกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือเหยื่ออยู่ในอัตราสูง ทำให้จำนวนข้อความหลอกลวงเพิ่มขึ้นทุก ๆ เดือน ตั้งแต่ปี 2563 และเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2564 โดยข้อความ SMS หลอกลวงในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 57% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งข้อความเหล่านี้อาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือการสูญเสียทรัพย์สิน ซึ่งประชาชนควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อมีเบอร์แปลกโทรหรือส่งข้อความเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากลุ่มดังกล่าวมีการขอข้อมูลส่วนตัว Whoscall เป็นเหมือนผู้ช่วยให้เราคัดกรองเบอร์เบื้องต้น รู้ทันถึงที่มาของผู้ส่งและสายโทรเข้าที่ไม่รู้จัก Community Report หรือ การรายงานเพื่อระบุหมายเลขโทรศัพท์หลอกลวงจากผู้ใช้ Whoscall เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถือเป็นการช่วยกันของคนไทยเพื่อเสริมเกราะป้องกันภัยจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี รวมถึงช่วยปกป้องคนที่คุณรัก และช่วยให้พ้นจากการถูกหลอกลวง”

whoscall เผยยอดเบอร์มิจฉาชีพโทรหลอกลวงคนไทย พุ่งสูงขึ้น

ในช่วงปี 2564 การโทรหลอกลวงมีความแนบเนียนและมีความถี่สูงขึ้น สายมิจฉาชีพจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่นการโทรที่อ้างว่ามาจากคอลเซ็นเตอร์บริการจัดส่งสินค้า ซึ่งเริ่มรุนแรงมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 นั้นถือเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงธันวาคม และจากการหลอกลวงดังกล่าวส่งผลให้เหยื่อสูญเสียเงินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้การฉ้อโกงอีกแบบหนึ่งที่ได้รับการรายงานจากผู้ใช้ Whoscall คือ การโทรศัพท์ที่อ้างว่ามาจากตำรวจ โดยกล่าวหาว่าผู้ใช้มีส่วนร่วมในอาชญากรรม เช่น การฟอกเงิน เป็นต้น

จากรายงานของ Whoscall เกี่ยวกับมิจฉาชีพในประเทศไทยนั้น ในประเทศอื่นๆ ต่างใช้กลวิธีที่หลากหลาย อาทิเช่น ไต้หวันได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงด้านการลงทุนในหุ้น เนื่องมาจากตลาดหุ้นที่เฟื่องฟู ขณะที่ในฮ่องกง มาเลเซีย และเกาหลี มีผู้หลอกลวงโดยการปลอมตัวเป็นอัยการ ในญี่ปุ่น พนักงานบริษัทไฟฟ้าปลอมได้ทำการโทรศัพท์หลอกลวงเพื่อเรียกเก็บค่าบริการบำรุงรักษาสำหรับผู้บริโภคด้วย

whoscall เผยยอดเบอร์มิจฉาชีพโทรหลอกลวงคนไทย พุ่งสูงขึ้น
Image : Whoscall

Whoscall เผยอีกว่า ในปี 2564 ข้อความหลอกลวงทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 70% ซึ่ง Phishing เป็นรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยที่สุด โดยเหยื่อจะถูกล่อให้เพิ่มเพื่อนกับบัญชีปลอมบนโซเชียลมีเดีย หรือหลอกให้เข้าถึงเว็บไซต์ปลอม หรือแม้แต่การดาวน์โหลดแอปอันตราย

อีริค ลี ผู้อำนวยการด้านเทคนิคและการค้นคว้าวิจัยด้านซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี AI ของ Gogolook กล่าวว่า “นักต้มตุ๋นมักจะพยายามหลอกล่อให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์ APK ผ่าน Link  โดยไฟล์แอปนี้หลีกเลี่ยงการตรวจสอบและไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่บนแอปสโตร์ต่าง ๆ หลังการติดตั้ง มัลแวร์นี้อาจมีการเรียกเก็บเงินจำนวนเล็กน้อย หรือขโมยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งมีแนวโน้มว่ากลอุบายที่ได้รับรายงานในประเทศอื่น ๆ อาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปพลิเคชั่นจากแหล่งที่ไม่รู้จักเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น”

Whoscall สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก App Store และ Play Store เมื่อติดตั้งและตั้งค่าแล้ว Whoscall จะช่วยระบุเลขหมายโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักและยังสามารถสแกนลิ้งค์จากข้อความ SMS ที่อาจเป็นอันตรายได้ ปัจจุบัน Whoscall มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100 ล้านครั้งทั่วโลก

ขอขอบคุณ – it24hrs


รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค

เปิดตัว Samsung Galaxy A13 และ A23 หน้าจอใหญ่จุใจ มาพร้อมกล้องคมชัด 50 ล้านพิกเซล

เปิดตัว Samsung Galaxy A13 และ A23 หน้าจอใหญ่จุใจ มาพร้อมกล้องคมชัด 50 ล้านพิกเซล

Galaxy A ถือว่าเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Samsung อีกรุ่นหนึ่งแต่ในปี 2022 นี้พวกเขาก็ได้เปิดตัวมือถือ Galaxy A13 และ A23 ที่เป็นเวอร์ชั่น 4G ออกมาก่อนโดยมีรายละเอียดดังนี้

Samsung Galaxy A23

a23_1

เริ่มต้นกับ Galaxy A23 กันก่อนซึ่งรายละเอียดของรุ่นนี้จะเหมือนกับการปรับโฉมของ Galaxy A22 มากกว่า โดยขยายหน้าจอเป็น 6.6 นิ้วความละเอียด 1080x 2408 พิกเซล Refresh Rate 60Hz น้อยกว่ารุ่นที่แล้วคาดว่าจะใช้กระจกแบบ Gorilla Glass 5

a23_7

กล้องหลักของมือถือรุ่นนี้มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูปรับแสง F/1.8 กล้องมุมกว้างความละเอียด 5 ล้านพิกเซลและ มีกล้อง Depth และ Macro อีกอย่างละ 2 ล้านพิกเซล กล้องหน้าลดความละเอียดลงเหลือ 8 ล้านพิกเซลเท่านั้น ทางด้านขุมพลังคาดว่าจะเป็น Dimensity แต่ยังรองรับ 4G พร้อมกับ RAM 4 / 6 / 8GB ความจำภายใน 64 – 128GB สามารถเพิ่มได้ด้วย MicroSD ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย One UI 4.1 จากกล่อง

a23_9

แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ชาร์จไฟเร็วขึ้นกำลัง 25W

Samsung Galaxy A13

a13_1

ในปลายปีที่ผ่านมา Galaxy A13 5G ได้เปิดตัวไปช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ล่าสุดนี้ได้เปิดตัว 4G ได้โฉมอย่างเป็นทางการสิ่งที่รุ่นนี้ได้คือขุมพลัง Exynos 850 มาพร้อมกับ Android 12 และ One UI 4.1 มาพร้อมกับ RAM 3 / 4 / 6GB พร้อมกับความจำภายใน 32, 54 และ 128GB สามารถเพิ่ม microSD

ขนาดตัวเครื่อง 165.1 x 76.4 x 8.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 195 กรัม ขนาดหน้าจอเท่ากับ Galaxy A23 เท่ากับใหญ่กว่า Galaxy A13 5G ทางด้านกล้องจะได้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะได้ 50 ล้านพิกเซล, กล้องมุมกว้าง 5 ล้านพิกเซล และ 2 ล้าน ทั้งเลนส์ Depth Sensor และ Macro

a13_6

ทั้งนี้รุ่นนี้จะได้ความเร็วในการ Downlink ที่ 300 Mbps และ 150 Mbps การเชื่อมต่อสายแบบ 3.5 มิลลิเมตร, USB-C ให้แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 25W

a13_9

ทั้งนี้ 2 รุ่นนี้ยังไม่มีการเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการเท่านั้น และมีใหเลือกหลากหลายสี แต่คาดว่าราคาจะเปิดเผยในไม่ช้านี้ครับ

ขอขอบคุณ – Sanook


รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค

หลุดสเปก iPhone SE รุ่นใหม่ ก่อนเปิดตัวในอีเวนต์แรกของแอปเปิ้ลในปีนี้

หลุดสเปก iPhone SE รุ่นใหม่ ก่อนเปิดตัวในอีเวนต์แรกของแอปเปิ้ลในปีนี้

อีกเพียงไม่กี่วันที่จะถึงอีเวนต์เปิดตัวแรกของปีนี้ของแอปเปิ้ล (Apple) ในชื่อ Peek Performance. ที่จะถูกจัดขึ้นในคืนวันที่ 8 มีนาคมที่จะถึงนี้ ก่อนที่จะถึงวันนั้นล่าสุดนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Ming-Chi Kuo ได้เผย 6 สเปกคาดหวังสำหรับ iPhone SE รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในงานนี้

สำหรับสเปกที่ Kuo ได้ออกมาเผยนั้น จะเป็นแบบเดียวกับที่ลือออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะเป็นที่ยืนยันได้แล้วว่า iPhone SE รุ่นใหม่นี้ จะมีการอัปเกรดชิปไปใช้ชิปรุ่นใหม่อย่าง Apple A15 Bionic พร้อมการรองรับการใช้งาน 5G แบบ mmWave และ Sub-6GHz

อีกทั้งยังมีการเพิ่มตัวเลือกความจุ 256GB เข้าไปด้วยเพิ่มเติมจากรุ่นความจุ 64GB และ 128GB มีรูปแบบดีไซน์ตัวเครื่องที่เหมือนกับ iPhone SE รุ่นปัจจุบัน จะมีวางจำหน่ายใน 3 สี สีขาว สีดำ และสีแดง

นอกจากนี้ Kuo ยังได้มีการเผยถึงแผนการผลิตว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนมีนาคมนี้ และมียอดการจำหน่ายที่คาดหวังไว้ในปี 2022 ประมาณ 25 ล้าน – 30 ล้านเครื่อง

iPhone SE รุ่นใหม่นี้ คาดว่าจะมีการเปิดตัวในอีเวนต์เปิดตัวของแอปเปิ้ลที่จะถึงนี้ในวันที่ 9 มีนาคม เวลา 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ขอขอบคุณ – Sanook

8 แนวโน้มในวงการสื่อสารธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2022

8 แนวโน้มในวงการสื่อสารธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2022

การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลอย่างมากต่อธุรกิจในการสานสัมพันธ์กับลูกค้าและพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2565 ที่กลยุทธ์การสื่อสารแบบดิจิตอลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากลูกค้าคาดหวังที่จะได้รับประสบการณ์ผ่านระบบดิจิตอลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ธุรกิจจำนวนมากได้เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า (Customer Experience: CX) ที่เป็นปัจจัยสร้างความแตกต่างที่เหนือกว่าให้แก่ธุรกิจในสนามแข่งขันขณะนี้

ดังนั้น ธุรกิจที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าจะต้องเจาะลึกและทำความเข้าใจ 8 เทรนด์ด้านการสื่อสารทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 เพื่อให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน

eight-trends-that-will-shap

ธุรกิจมองหาความเรียบง่ายในการสื่อสาร

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ธุรกิจทั่วโลกเริ่มวางแผนการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิตอลที่ครอบคลุมและรวดเร็วเพื่อให้สามารถโต้ตอบกับลูกค้าอย่างราบรื่นที่สุด และนำข้อมูลเชิงลึกจากการโต้ตอบเหล่านี้ไปปรับปรุงเพื่อเพิ่มการสื่อสารแบบเฉพาะเจาะจงกับลูกค้าต่อไป อย่างไรก็ตามปัญหาที่หลายธุรกิจต้องเผชิญคือการนำไปพัฒนาต่อยอดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้น ความเรียบง่ายในการสื่อสารและการปรับโครงสร้างแพลตฟอร์มจะกลายเป็นเทรนด์หลักของการสื่อสารบนคลาวด์ จัดการกับอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งด้านความล่าช้า การขาดความเชี่ยวชาญในการจัดการกับระบบที่ซับซ้อน และการเพิ่มช่องทางและรูปแบบของ CX ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลและการสร้างประสบการณ์ที่ครอบคลุมให้แก่ลูกค้า

เตรียมการสำหรับ Metaverse

แนวคิด Metaverse ของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำในประเทศไทย ด้วยการออกแบบห้างสรรพสินค้าเสมือนจริงอย่าง V-Avenue ร่วมกับผู้ให้บริการรายย่อย เพื่อนำเสนอการทำงานของ Metaverse สู่สายตาผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ Metaverse ในปีนี้จะกระตุ้นให้ธุรกิจตื่นตัวเพื่อให้พร้อมต่อการเข้าสู่โลกแห่งดิจิตอลและแนวคิดโลกเสมือนจริง ดังนั้นธุรกิจจึงจำเป็นต้องเข้าใจและวางแผนรับมืออย่างเหมาะสม

การทำงานแบบไฮบริด คือการสื่อสารรูปแบบใหม่

การทำงานแบบไฮบริดกลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยข้อมูลของ PwC ประเทศไทยระบุว่า รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดนี้จะยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับ รายงานผลสำรวจของการทำงานและทักษะในอนาคต (Future of Work and Skills Survey) ของ PwC ที่ได้รวบรวมมุมมองของผู้นำทางธุรกิจกว่า 4,000 แห่ง จาก 26 ประเทศ เกี่ยวกับความท้าทายด้านแรงงานในปัจจุบันและอนาคตของการทำงาน บริษัทส่วนใหญ่มองว่าการทำงานแบบไฮบริดหรือการทำงานทางไกลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระยะสั้น ซึ่ง 57% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา องค์กรของตนมีประสิทธิภาพและการบรรลุเป้าหมายในการทำงานดีขึ้น

แล้วเราจะเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมทีมได้อย่างไร? คำตอบคือธุรกิจจำเป็นต้องสื่อสารกับพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านรูปแบบที่พวกเขาต้องการ ธุรกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรใหญ่จึงต้องใช้ช่องทาง นโยบาย และแพลตฟอร์มที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังที่เปลี่ยนไปในปี 2565 นี้และในอนาคต

ประโยชน์ของ 5G อย่างเป็นรูปธรรม

การเปิดตัวของ 5G ทำให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการเชื่อมต่อผ่านมือถือ เมื่อผู้บริโภคคุ้นเคยกับความเร็วและความน่าเชื่อถือของ 5G ความคาดหวังของผู้บริโภคก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ธุรกิจจึงต้องคาดการณ์และกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และถึงแม้ว่าความเร็ว 5G จะเป็นตัวที่เข้ามาช่วยปรับปรุงการสื่อสารและการแบ่งปันข้อมูล แต่ศักยภาพที่แท้จริงของ 5G ก็ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ ดังนั้นปีนี้จึงเป็นปีที่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เตรียมใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความเร็ว ความน่าเชื่อถือ และการเชื่อมความสัมพันธ์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าด้วย AI อย่างเป็นธรรมชาติ

ในปี 2565 นี้ การใช้ระบบอัตโนมัติ AI จะพุ่งสูงขึ้นซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์ที่ลูกค้าชื่นชอบได้อย่างรวดเร็วทันใจและเข้าถึงได้ง่าย จึงพูดได้ว่า AI จะยังมีบทบาทต่อไปในอนาคต สำหรับประเทศไทยเอง คาดการณ์ได้ว่า ภาคการดูแลลูกค้า (customer care sector) จะใช้ AI เพื่ออำนวยความสะดวกแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ผู้บริโภค โดยในปี 2565 นี้ผู้บริโภคจะเริ่มสื่อสารกับร้านค้าและผู้ให้บริการได้อย่างเป็นส่วนตัวและเฉพาะเจาะจงมากขึ้นผ่านนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI

แพลตฟอร์มทางธุรกิจมุ่งเน้นไปที่การมีส่วนร่วมของลูกค้า

แพลตฟอร์มเป็นหนึ่งในโมเดลธุรกิจที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21 ซึ่งความท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญ คือ การขยายขนาดและการตอบโต้ของธุรกิจให้สามารถพัฒนาได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ แพลตฟอร์มในปัจจุบันอาศัยเทคโนโลยีดิจิตอล ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าและผู้ใช้งานทุกคนได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม แพลตฟอร์มจึงสามารถเข้าถึงเครือข่ายการมีส่วนร่วม (engagement) ของลูกค้า พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการเชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ตามขนาดและความต้องการของแต่ละธุรกิจ

มิติใหม่ของความถูกต้องและความปลอดภัย

ระบบยืนยันตัวตน 2 ชั้น (Two-factor authentication: 2FA) เป็นระบบการรักษาความปลอดภัยทางออนไลน์ที่จำเป็น ด้วยการป้อนรหัสผ่านและเครื่องมือสื่อสารที่เฉพาะเจาะจงกับตัวผู้ใช้เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพ แต่ผู้ใช้งานและธุรกิจจำนวนมากกำหนดรหัสผ่านง่าย ๆ เพื่อปกป้องระบบหรือลงชื่อเข้าใช้บัญชีสำคัญ ๆ ของตน ดังนั้นปีนี้ ธุรกิจต่าง ๆ จะต้องเรียนรู้การยกระดับการป้องกันตนเองเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ทางดิจิตอลให้ปลอดภัย รวมถึงปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน และเพิ่มความสามารถด้านการคุ้มครองลูกค้าของตนให้ดียิ่งขึ้น

SMEs ก้าวสู่ omnichannel

เมื่อไม่นานมานี้ มีองค์กรใหญ่ทั่วโลกเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ครอบคลุมแบบ omnichannel อย่างแท้จริงให้แก่ลูกค้า แต่ปัจจุบันแพลตฟอร์มบนระบบคลาวด์ทำให้ธุรกิจสร้างประสบการณ์การสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยในช่องทางที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งความสามารถในการให้บริการแบบทันใจในแพลตฟอร์มเดียว และรูปแบบคลาวด์ที่ปรับขนาดได้ของ omnichannel อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ธุรกิจ SMEs มองหาสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอลในปี 2565

การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าถือเป็นปัจจัยที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญในยุคดิจิตอลที่ขับเคลื่อนด้วย 5G และ AI อย่างในปัจจุบัน เนื่องจากวิธีการตอบโต้กับลูกค้านั้นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของลูกค้าได้เท่า ๆ กับผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่พวกเขาได้รับจากธุรกิจของคุณ ดังนั้นธุรกิจจึงควรใส่ใจต่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างเต็มที่ในทุกช่องทางการสื่อสาร ผ่านการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เข้าถึงได้ ราบรื่น และอบอุ่นใจที่สุด โดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ

ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค

ข่าวปลอม!! “แอปฯ เป๋าตัง” ให้กู้เงิน 1 หมื่นบาท

ข่าวปลอม!! “แอปฯ เป๋าตัง” ให้กู้เงิน 1 หมื่นบาท

เตือนภัยข่าวปลอม “แอปฯ เป๋าตัง” ให้กู้เงิน 1 หมื่นบาท ลงทะเบียนได้ทุกอาชีพ ตรวจสอบแล้วเป็นข่าวเท็จ

วันที่ 2 มีนาคม 2565 ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง แอปฯ เป๋าตัง ให้กู้เงิน 1 หมื่นบาท ลงทะเบียนได้ทุกอาชีพ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย ธนาคารกรุงไทย พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากกรณีการโพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอสินเชื่อกับธนาคารกรุงไทย ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังนั้น ทางธนาคารกรุงไทยได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า ปัจจุบันยังไม่มีบริการให้สินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งแอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นแพลตฟอร์มด้านการเงินระบบเปิด สามารถใช้บริการแม้ไม่มีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย ให้บริการครอบคลุมทั้งบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet)

รองรับการทำธุรกรรมโอนเงิน เติมเงิน และชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของภาครัฐ (G-wallet) รองรับการทำนโยบายของภาครัฐ บริการกระเป๋าสุขภาพ (Health Wallet) ตรวจเช็กสิทธิด้านสุขภาพผ่านเป๋าตัง บริการด้านการลงทุนพันธบัตรของรัฐผ่านวอลเล็ต สบม.รวมถึงบริการเกี่ยวกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ช่วยให้การจัดการบัญชี กยศ. สะดวก และรวดเร็ว

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทั้งนี้หากพบ SMS อีเมล หรือ LINE ที่มีลิงก์แอบอ้างเป็นธนาคาร หรือพบเหตุผิดปกติ สามารถแจ้งผ่าน Facebook Fanpage Krungthai Care และ Krungthai Contact Center โทร 02-111-1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.

ขอขอบคุณ – ไทยรัฐ



รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค

เผยข้อมูล Xiaomi 12 series เตรียมวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 15 มีนาคม นี้

เผยข้อมูล Xiaomi 12 series เตรียมวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 15 มีนาคม นี้

แม้ว่าในงาน Mobile World Congress ประจำปี 2022 ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ไฮไลท์ของบูธ Xiaomi จะเป็นการเปิดตัวสมาร์ทโฟน “POCO X4 Pro 5G” และ “POCO M4 Pro” อย่างเป็นทางการแล้ว

ในงานครั้งนี้ยังมีข่าวความเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟนระดับเรือธงอย่าง Xiaomi 12 series เผยออกมาให้เราเห็นเช่นกัน ทั้งนี้แหล่งข่าวเผยว่า Xiaomi จะทำการเปิดขาย Xiaomi 12 series และว่างจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มีนาคมนี้

gsmarena_002

Xiaomi 12 รุ่นนี้เน้นความเล็กพกพาได้ โดยหน้าจอ 6.28 นิ้ว AMOLED ความละเอียด FHD+ พร้อมด้วย Refresh Rate ที่ 120Hz และมีระบบสแกนนิ้วมือใต้หน้าจอ และกระจก Gorilla Glass Victus ทั้งนี้ขนาดของเครื่องจริงจากภาพหลุด เล็กกว่า iPhone 13 รุ่นปกติอีก

กล้องหลังเลือกใช้ 50 ล้านพิกเซลจาก Sony IMX766 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว พร้อมกับพิกเซลขนาดใหญ่ถึง 2.0 μm พร้อมกับระบบกันสั่น OIS มาให้ และอีก 2 เลนส์คือ 13 ล้านพิกเซล Ultra Wide และ 5 ล้านพิกเซลแบบ Tele-Macro

เห็นบางแบบนี้ใช้ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 และมีระบบจัดการความร้อนที่ดีไม่เบา นอกจากนี้แบตเตอรี่ที่ให้มีขนาด 4500 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟแบบสายที่ 67W และไร้สายที่ 50W พร้อมกับ Reverse Wireless Charging ที่กำลัง 10W มาพร้อมกับ MIUI 13 พื้นฐานเป็น Android 12

มีทั้งหมด 3 สีคือ ดำ, ฟ้า, ชมพู และสีเขียนเป็นแบบหนังเทียม Vegan Leather โดยมือถือรุ่นนี้มีใหเลือกทั้งหมด 3 เกรด ได้แก่รุ่น RAM 8GB / ROM 128GB ราคา 3,699 หยวน หรือประมาณ 19,800 บาท, RAM 8GB / ROM 256GB ราคา 3,999 หยวน หรือประมาณ 21,000 บาท และ RAM 12GB / ROM 256GB ราคา 4,399 หยวน หรือประมาณ 23,xxx บาท เริ่มวางจำหน่ายในจีน 31 ธันวาคม นี้

gsmarena_019

ต่อกันที่ Xiaomi 12 Pro รุ่นต่อมาที่คาดว่าจะเป็นตัวท็อปจริง หน้าจอมือถือรุ่นนี้มีขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียดเพิ่มเป็น 2K หน้าจอแบบ LTPO 2.0 โดยมีค่า Refresh Rate สามารถปรับได้เองตั้งแต่ 1 – 120 Hz ทั้งนี้ระบบสแกนนิ้วก็ยังอยู่ในหน้าจอเหมือนเดิมและกระจก Gorilla Glass Victus เหมือนกับ Xiaomi 12 Pro เช่นเคย แต่ความสว่างสูงกว่าถึง 1,500 nits

ความแตกต่างของกล้องรุ่นนี้คือได้ใช้ Sony IMX707 ใหม่ล่าสุด และทำงากับ 3 กล้องโดยกล้องมีทั้ง กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ 1/1.28 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี Pixel-binning และพิกเซลรวมกันใหญ่ถึง 2.44µm + OIS ตัวที่ 2 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล สามารถละลายหลังได้ และอีกตัวความละเอียด 50 ล้านพิกเซลเท่ากันและเป็นแบบ Ultrawide เช่นเคย

แต่มีการใส่เทคโนโลยี Cyber Focus โดยระบบนี้จะจับวัตถุ ใบหน้าของเราและพื้นหลังของเรา ทำงานได้อย่างรวดเร็วลด Noise และเพิ่มความคมชัดได้ แถมลง Noise ของภาพลงได้อีกเยอะพอสมควร ทั้งนี้แบตเตอรี่ขนาด 4600 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 120W และรองรับ Wireless Charging ที่กำลัง 50W เพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตั้งชิป P1 ทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น

และยังได้ระบบเสียงปรับจูนโดย Harman / Kardon โดยลำโพงเป็นแบบบนและล่างเหมือนเดิม

gsmarena_021

ส่วนสีสันก็เหมือนกับ Xiaomi 12 รุ่นปกติ และมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นทั้ง

  • RAM 8GB / ROM 128GB = 4,699 หยวน หรือประมาณ 24,xxx บาท
  • RAM 8GB / ROM 256GB = 4,999 หยวน หรือประมาณ 26,xxx บาท
  • RAM 12GB / ROM 256GB = 5,399 หยวน หรือประมาณ 28,xxx บาท

Xiaomi 12 Pro

  • RAM 8GB / 128GB ราคา 4,699 หยวน หรือประมาณ 25,xxx บาท
  • RAM 8GB / 256GB ราคา 4,999 หยวน หรือประมาณ 26,xxx บาท
  • RAM 12GB / 256GB ราคา 5,399 หยวน หรือประมาณ 29,xxx บาท

ปิดท้ายด้วย Xiaomi 12 X ตัวเล็กไม่มีอะไรมากมันคือการเอา Xiaomi 12 เปลี่ยนขุมพลังเป็น Snapdragon 870 5G พร้อมกับตัดระบบ Wireless Charging ออก และขายในราคาถูกลง เริ่มต้นที่

  • RAM 8GB / ROM 128GB = 3,199 หยวน หรือประมาณ 16,xxx บาท
  • RAM 8GB / ROM 256GB = 3,499 หยวน หรือประมาณ 18,xxx บาท
  • RAM 12GB / ROM 256GB = 3,799 หยวน หรือประมาณ 20,000 บาท

ขอขอบคุณ – Sanook

รวมโปรเน็ตดีแทคสุดแรง คลิก
facebook

#โปรเน็ต #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีแทค #สมัครเน็ตดีแทค